ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑)

ในที่ใด ไม่มีความแก่หรือความตาย ไม่มีการสมาคมด้วยสัตว์และสังขารอันไม่เป็นที่รัก ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั้นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน https://dmc.tv/a17130

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะเพื่อประชาชน
[ 17 ธ.ค. 2556 ] - [ ผู้อ่าน : 18301 ]

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑)

     คนเราทุกๆ คน ล้วนมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตในภพชาติปัจจุบันและชีวิตในสัมปรายภพ ตลอดจนกระทั่งชีวิตในสังสารวัฏ จึงพากันแสวงหาบุคคลที่จะเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้แก่ตนเอง แม้ว่าเราจะมีความพยายามแสวงหา แต่ถ้ายังไม่พบกัลยาณมิตรผู้เป็นต้นบุญต้นแบบ เราจะดำเนินชีวิตผิดพลาดประมาทอยู่เสมอ  

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ที่สุด  ฉะนั้น การได้พบกัลยาณมิตรมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น จึงถือว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวที่แท้จริงของชีวิต เช่น อยากรู้ว่าเกิดมาจากไหน มาทำไม  อะไรคือเป้าหมายของชีวิต อะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด เมื่อเกิดคำถามก็จะทำให้แสวงหาคำตอบ ทำให้เราแสวงหาเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดำเนินชีวิตอยู่เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

มีเถรีวาทะอันเป็นอมตวาจาที่ปรากฏใน เถรีคาถา ความว่า

     “ในที่ใด ไม่มีความแก่หรือความตาย ไม่มีการสมาคมด้วยสัตว์และสังขารอันไม่เป็นที่รัก ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั้นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน”

     ในทุกโลกธาตุ ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีพื้นฐานของชีวิตเหมือนกัน คือ ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ไม่มีที่ใดเลยที่จะพ้นจากวัฏจักรอันเวียนวนนี้ไปได้ ยกเว้นที่แห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความแก่ ความเจ็บหรือความตาย ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั่นเป็นอสังขตสถานคือ สถานที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ บริสุทธิ์ล้วนๆ ด้วยธรรมธาตุอันเป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม ที่นั้นผู้รู้เรียกกันว่า อายตนนิพพาน

     * หลวงพ่อขอเล่าถึงอัตชีวประวัติของพระเถรีรูปหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นผู้กล่าวอมตพจน์ข้างต้น ท่านเป็นบุคคลผู้มีความสำคัญอย่างมากกับพระบรมศาสดาของเรา เพราะเป็นพระมารดาผู้บำรุงเลี้ยงพระพุทธองค์มาตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ จนกระทั่งเจริญเติบโตเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และท่านเป็นภิกษุณีรูปแรกที่ทำให้บริษัทสี่ครบบริบูรณ์ ท่านผู้นี้คือ พระนางมหาปชาบดีโคตมี มาดูว่าท่านสั่งสมบุญอะไรมา จึงทำให้ท่านได้มาบังเกิดเป็นพระมาตุจฉาพระน้านางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านอธิษฐานตั้งความปรารถนาไว้อย่างไร จึงได้มาเป็นอัครสาวิกา ผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ฝ่ายรัตตัญญูคือ ผู้บวชก่อนใคร

     ย้อนกลับไปเมื่อแสนกัปแต่ภัทรกัปนี้ เมื่อพระบรมศาสดาปทุมุตตระทรงเสด็จอุบัติขึ้นมาในโลก พระนางมหาปชาบดีเถรีเคยเกิดเป็นธิดาในตระกูลของมหาอำมาตย์ผู้มีทรัพย์มากตระกูลหนึ่งในพระนครหงสาวดี วันหนึ่งนางได้เดินทางไปวัดพร้อมด้วยบิดาเพื่อฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยมีข้าทาสบริวารห้อมล้อมมากมาย

     ในครั้งนั้น นางได้เห็นพระพุทธองค์ทรงแต่งตั้งภิกษุณีรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระมาตุจฉาของพระองค์เองไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะของภิกษุณีผู้บวชก่อนใคร และรู้ราตรีนานกว่าภิกษุณีทั้งปวง ก็เกิดจิตเลื่อมใสมีใจปรารถนาตำแหน่งนั้น จึงถวายมหาทานบารมี และปัจจัยไทยธรรมมากมาย แด่พระตถาคตเจ้าพร้อมทั้งหมู่สงฆ์เป็นเวลาถึง ๗ วัน วันสุดท้ายหลังจากได้ถวายทานแล้ว ท่านได้หมอบกราบแทบพระบาทของพระบรมศาสดา พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่า "ด้วยผลแห่งมหาทานบารมีนี้ ข้าพระองค์หาได้ปรารถนาความเป็นท้าวสักกเทวราชหรือเป็นพระเจ้าจักรพรรดิไม่ แต่ข้าพระองค์ปรารถนาความเป็นเลิศ แห่งภิกษุณีผู้เป็นรัตตัญญู"

     พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอดส่องดูด้วยอนาคตังสญาณว่าความปรารถนาของธิดานั้นจะสำเร็จหรือไม่ เมื่อพระองค์ทรงทราบว่าความปรารถนานั้นจะสำเร็จต่อไปในอนาคตกาล จึงได้ตรัสในท่ามกลางมหาสมาคมว่า “แสนกัปแต่กัปนี้ พระศาสดาพระนามว่า โคดม ผู้ทรงประสูติในราชวงศ์ของพระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ธิดาผู้นี้จักได้เป็นพระมาตุจฉาบำรุงเลี้ยงพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ภายหลังจักได้เป็นอัครสาวิกาของศาสดา มีนามว่า โคตมี จักได้เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายฝ่ายผู้รู้ราตรีนาน”

     เมื่อท่านได้ฟังอย่างนั้น ก็มีความปีติปราโมทย์ใจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนประหนึ่งว่าจะได้สมบัติใหญ่ในวันรุ่งขึ้น ต่อมาภายหลังก็ได้ตั้งใจเป็นกองเสบียงให้กับพระปทุมุตตรพุทธเจ้าจนตลอดอายุขัย เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้วไม่รู้จักคำว่าทุคติเลย ได้ท่องเที่ยวอยู่ใน ๒ ภูมิเท่านั้นคือ สวรรค์ และมนุษยโลก

     ท่านได้บังเกิดเป็นมเหสีของท้าวอมรินทร์เทวาธิราชในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แวดล้อมด้วยเหล่านางเทพอัปสรมากมาย มีวิมานอันประดับประดาด้วยรัตนชาติ มีรัศมีกายรุ่งเรืองสว่างไสว มีทิพยสมบัติอันประณีตกว่าเทพยดาทั้งหลายด้วยองค์ ๑๐ ประการคือ ด้วยรูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ อายุ วรรณะ สุข พละ ยศ และมีความรุ่งเรืองครอบงำทวยเทพเหล่าอื่นด้วยความเป็นใหญ่ แต่ท่านนั้นยังไม่หมดกิเลส ยังต้องท่องเที่ยวในวัฏทุกข์นี้อยู่ ยังเป็นผู้ตกอยู่ในกฎแห่งกรรม เมื่อหมดบุญจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นแล้ว ได้ถือกำเนิดในเรือนของทาสที่พระนครของพระเจ้ากาสี

     สมัยนั้น มีเหล่าทาส ๕๐๐ คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้น นางได้เป็นภรรยาของหัวหน้าทาสในหมู่บ้านนั้น ต่อมาใกล้ฤดูฝนฤดูหนึ่ง มีพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ รูป ได้เข้าไปสู่หมู่บ้านเพื่อบิณฑบาต ภรรยาพร้อมทั้งหมู่ญาติเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ก็เกิดจิตเลื่อมใส ได้สร้างกุฏิ ๕๐๐ หลังถวาย ตั้งใจอุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อออกพรรษาได้ถวายไตรจีวร เมื่อละจากอัตภาพนั้น ภรรยาพร้อมกับสามีก็ได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีก

     ส่วนในภพชาติสุดท้ายได้มาเกิดเป็นราชธิดาในพระนครเทวทหะ มีพระชนกพระนามว่า อัญชนศากยะ พระชนนีพระนามว่า สุลักขณา  ครั้นถึงวัยอันสมควร ก็ได้ไปสู่พระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนะในพระนครกบิลพัสดุ์  เมื่อพระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพุทธมารดาได้สวรรคตลง ก็ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครมเหสีผู้ประเสริฐกว่าหญิงทั้งปวง ได้เป็นผู้บำรุงเลี้ยงพระราชบุตรคือ เจ้าชายสิทธัตถะ

     เมื่อพระราชโอรสได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ และได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณได้ไม่นานนัก พระนางพร้อมด้วยมเหสีของศากยราช ๕๐๐ นาง ก็ได้ออกบวชตามพระบรมศาสดา และได้บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์เถรีในเวลาต่อมา นี้ก็เป็นบุพกรรมของพระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี ส่วนเรื่องราวในภพชาติสุดท้ายของท่านจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราคงต้องมาติดตามในโอกาสต่อไป

     จากเรื่องนี้ เราจะเห็นว่าบุคคลต้นแบบในการทำความดีนั้นเป็นบุคคลที่สำคัญยิ่ง และเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง เพราะว่าถ้าเราได้ต้นแบบที่ดี หนทางการสร้างบารมีของเราจะถูกย่นย่อให้สั้นลง เราจะเดินถูกทาง และมีโอกาสที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วขึ้น

     ฉะนั้น บุคคลทั้งหลายที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตในสังสารวัฏ ไม่ว่าจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอัครสาวกหรือพระอัครสาวิกาทั้งหลาย ทุกท่านล้วนมีต้นแบบในการทำความดีทั้งนั้น ทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจ อยากที่จะทำความดีให้ประสบความสำเร็จเหมือนกับบุคคลต้นแบบ มีเป้าหมายในการทำความดีที่ชัดเจน มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แล้วประกอบความเพียรในการทำความดีให้บรรลุวัตถุประสงค์ จนกระทั่งประสบความสำเร็จในที่สุด ดังนั้น เราต้องทำตามอย่างครู เดินตามรอยบาทพระบรมศาสดาทำความเพียรกันให้เต็มที่ เต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา แล้วเราจะสมปรารถนาในชีวิต

 

พระธรรมเทศนาโดย: หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๓๓ หน้า
 

 


http://goo.gl/IOeS6T


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - อานิสงส์ทำบุญทอดกฐิน
      หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
      โสฬสญาณ
      เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
      พระอรหันต์รู้ได้ยาก
      ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
      พระอรหันต์มีจริง
      พระอริยเจ้า
      ผลแห่งการชวนคนมารู้จักพระรัตนตรัย
      คนดีที่โลกต้องการ
      นักสร้างบารมีพันธุ์อาชาไนย
      เวสารัชชธรรม ๔
      ต้นแบบแห่งความดี




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related